เดโก้ สนับสนุน กฟน. ขับเคลื่อนโครงการ “MEESOOK LIFE#6” วางเป้าลดภาวะโลกร้อน ขานรับเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า
บริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด ในเครือบริษัท เมททูวิน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นผู้สนับสนุนในโครงการ “MEESOOK LIFE #6” ซึ่งจัดโดย การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพื่อส่งมอบความสุขให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าของ กฟน. ผ่านกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างเช่น การส่งเสริมให้ลูกค้าใช้บริการ MEA e-Bill และ MEA Point ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการลดภาวะโลกร้อน โดยครั้งนี้ผู้ที่สมัคร MEA e-Bill ทั้งเก่าและใหม่ จะได้รับส่วนลดเพิ่มเติมจากเงินอุดหนุนภาครัฐที่แต่เดิมได้รับ 18,000 บาท เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า BEV เพิ่มขึ้นในมูลค่า 4,000 บาท รวมแล้วจะได้รับส่วนลดเพิ่มขึ้นถึง 22,000 บาท
นายกฤตเมธ ตั้งพิชญโพธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด บริษัทในเครือ MTW กล่าวว่า เรามีความยินดีอย่างมาก ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโครงการ MEESOOK LIFE#6 ที่มุ่งให้คนไทยหันมารับเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ MEA e-Bill มากยิ่งขึ้น สอดรับกับการดำเนินงานของเดโก้ ที่ในวันนี้เราเดินหน้าพัฒนาทางเลือกใหม่ของผู้บริโภค และตรงกับสถานการณ์ปัจจุบัน ในการให้ความสำคัญด้านพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น การผลิตจักยานยนต์ไฟฟ้า ที่ในวันนี้ เดโก้ ถือเป็นรายแรกในตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่เข้าลงนาม MOU ร่วมมาตรการลดภาษีกับกรมสรรพสามิต รับสิทธิเงินอุดหนุนจากภาครัฐ 18,000 บาท/คัน
สำหรับสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่สมัคร MEA e-Bill หรือรับเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งเก่าและใหม่ จะได้รับส่วนลดเพิ่มเติมจากเงินอุดหนุนภาครัฐมูลค่า 4,000 บาท ซึ่งแต่เดิมเมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า BEV จะได้รับส่วนลด 18,000 บาท แต่เมื่อสมัครบริการดังกล่าว จะได้ส่วนลดเพิ่มรวมเป็นมูลค่า 22,000 บาท เมื่อซื้อ DECO e-Bike ที่ตัวแทนจำหน่ายเข้าร่วมโครงการทุกสาขา โดยให้สิทธิ์เดือนละ 999 คัน เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี 2566
“เดโก้ยังคงเดินหน้าสานต่อพันธกิจที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ นอกจากจะเข้าร่วมแคมเป็น Green Lucky Draw เพื่อส่งต่อความสุขให้กับคนไทย ได้มีโอกาสเข้าถึงรถมอไซค์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น จากที่เรามีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศมากกว่า 200 สาขา ล่าสุดยังได้เซ๊นต์ MOU เพื่อเป็นผู้ผลิต ( OEM)ให้กับบริษัท ไนท์ โกลเบิล จำกัด เพื่อเป็นตัวตัวแทนจำหน่ายไปยังต่างประเทศในอาเซี่ยนเช่น สปป.ลาว, เวียตนาม, กัมพูชา, เมียนมาร์, ฟิลิบปินส์ และ อินโดนีเซีย เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น หลังจากโรงงานแห่งใหม่สร้างเสร็จ และเริ่มการผลิตได้มากกว่า 4,000 คันต่อเดือนในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และพร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าผ่านรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีส่วนช่วยสำคัญในการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยภาครัฐ ในการขับเคลื่อนนโยบายสู่การใช้รถ EV ให้ได้ 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579” นายกฤตเมธ กล่าวทิ้งท้าย