เดโก้ จับมือ เซ็น MOU ไอซี เอนเนอร์จี กรุ๊ป ผนึกกำลังขยายศูนย์กระจายสินค้าและบริการหลังการขายครอบคลุมทั่วไทย
12ธ.ค. 66 – กรุงเทพ “เดโก้ กรีน” เอนเนอร์จี เดินหน้าผนึกความร่วมมือ “ไอซี เอนเนอร์จี กรุ๊ป ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การเป็นศูนย์กระจายสินค้าและให้บริการหลังการขาย โดยตั้งเป้าส่งมอบรถจักยานยนต์ไฟฟ้าเดโก้และเพิ่มความสะดวกสบายในการบริการลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วไทย ด้วยจุดแข็งของเดโก้ในฐานะผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไร้มลพิษ อันดับ1ของไทยและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของ ไอซี เอนเนอร์จี กรุ๊ป ที่มีสาขาและศูนย์บริการทั่วประเทศ15สาขานี่คือก้าวสำคัญของการขยายฐานตลาดจักรยานยนต์ไฟฟ้าในไทย
นายกฤตเมธ ตั้งพิชญโพธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด บริษัทในเครือ MTW เปิดเผยว่า เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือครั้งนี้ ซึ่งเมื่อดูจากยอดขายและตัวเลขจักรยานยนต์ไฟฟ้าตลอดปี 2566 ที่ผ่านมามีทิศทางที่ดี โดยการร่วมมือกับ ไอซี เอนเนอร์จี กรุ๊ป จะเข้ามาเสริมแกร่งให้กับเดโก้ในหลากหลายด้าน ทั้งการกระจายสินค้าไปยังหัวเมืองต่างๆ รวมทั้งการขยายศูนย์บริการหลังการขาย โดยในขณะนี้มีอยู่ 200 สาขา ซึ่งทางเดโก้วางเป้าหมายไว้ที่ 300 สาขา โดยจะเป็นทั้งศูนย์บริการ และศูนย์จำหน่ายเพื่อให้ครอบคลุมทุกจังหวัด พร้อมกันนี้ด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของ ไอซี เอนเนอร์จี กรุ๊ป จะเป็นกำลังสำคัญในการขยายตลาดจักรยานยนต์ไฟฟ้าในไทยขานรับกับอุปสงค์ที่มีเพิ่มขึ้น
ด้านนายเตวิช มัชฌิมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอซี เอนเนอร์จี กรุ๊ป ในฐานะนักบริหารรุ่นใหม่ไฟแรง เปิดเผยว่า เรามองเห็นโอกาสในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่วันนี้มีผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งด้วยประสบการณ์ในตลาดจักรยานยนต์ทั้งจากฐานลูกค้า การขนส่งและช่องทางการกระจายสินค้าเราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเสริมแกร่งให้กับเดโก้ได้มีช่องทางการรุกตลาดและเข้าถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง โดยเฉพาะในเรื่องของการบริการหลังการขายซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งทาง ไอซี เอนเนอร์จี พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานให้กับตลาดจักรยานยนต์ไฟฟ้าในไทย
นายกฤตเมธ กล่าวเสริมว่า จากการผลักดันประเทศไทยกำลังพัฒนาเป็นศูนย์กลาง EV Hub ระดับภูมิภาคและเข้าสู่ Carbon Neutrality การใช้รถไฟฟ้าจึงเป็นหนึ่งในตัวช่วย และกำลังเป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยนโยบาย EV แห่งชาติของประเทศไทยส่งเสริมการพัฒนารถไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2021 – 2035 ครอบคลุมทั้งระบบ รวมถึงส่งเสริมการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยสิทธิประโยชน์ที่กลุ่มบริษัทได้รับ คือ เงินอุดหนุนจำนวน 18,000 บาทต่อคัน สำหรับการผลิตรถจักรยานยนต์ BEV ไปจนถึงสิ้นปี 2568 และขยายระยะเวลาให้กับผู้ที่จดทะเบียนรถไม่ทันในช่วงสิ้นปี 2568 ไปจนถึงสิ้นวันที่ 31 มกราคม 2569 โดยกลุ่มบริษัทได้รับการสนับสนุนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารวมทั้งหมด 9 รุ่น
“นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือ BOI ระยะเวลา 3 ปี และเพิ่มสูงสุดที่ 5 ปี หากมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ รวมทั้ง ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าชิ้นส่วน ซึ่งกลุ่มบริษัทได้ 5 ชิ้นส่วน จากทั้งหมด 9 ชิ้นส่วน ได้แก่ แบตเตอรี่ มอเตอร์ คอนโทรลเลอร์ ระบบบริหารแบตเตอรี่ และคอนเวอร์เตอร์ สอดคล้องกับแผนการลงทุนของ MTW สยายปีกเข้าไปในธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ คาดจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม และจัดตั้งบริษัทแล้วเสร็จ ภายในไตรมาส 1/2567”
นายกฤตเมธ กล่าวเพิ่มเติมต่อไปว่า สำหรับแผนต่อจากนี้ หลังจากเปิดโรงงานแห่งใหม่ในช่วงไตรมาส 3/66 ทำให้กำลังการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเดโก้อยู่ที่ 2 แสนคัน/ปี ด้วยปัจจัยบวกข้างต้นผนวกกับความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเสริมแกร่งให้กับเดโก้ในการกระจายสินค้าและเข้าถึงความต้องการของตลาดด้วยบริการหลังการขาย พร้อมกันนี้จากปัจจัยการส่งเสริมจากรัฐบาลในเรื่องของ EV 3.0 ซึ่งเดโก้เป็นเจ้าแรกที่ได้รับการส่งเสริมมาตรการนี้และได้รับประโยชน์ ซึ่งบริษัทได้ติดตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 ในช่วงระยะเวลา 4 ปี (พ.ศ. 2567 – 2570) โดยให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการ EV3.0 สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการใหม่นี้เพิ่มเติมได้ ซึ่งทางกลุ่มบริษัทมีการติดตามอย่างใกล้ชิด
”ที่สำคัญเดโก้ยังคงเดินหน้าส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าผ่านรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีส่วนช่วยสำคัญในการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยภาครัฐในการขับเคลื่อนนโยบายสู่การใช้รถ EV ให้ได้ 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579” นายกฤตเมธ กล่าวทิ้งท้าย